เมนู

บททั้งหลายมีคำเป็นอาทิว่า อตีตํ นิรุทฺธํ รูปใดล่วงไปแล้ว ดับ
ไปแล้ว ดังนี้ เป็นคำที่ตรัสไว้ในการพรรณนาบทภาชนีย์อตีตติกะแห่งนิก-
เขปกัณฑ์นั่นแหละ.
คำว่า จตฺตาโร จ มหาภูตา นี้เป็นคำแสดงสภาวะของรูปที่ตรัส
ว่า อดีต ดังนี้. อนึ่ง ในอธิการนี้ คำที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้ว ฉันใด คำที่
กล่าวไว้ในที่ทุกแห่งก็พึงทราบฉันนั้น. ด้วยคำนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรง
แสดงมหาภูตรูป และรูปอาศัยมหาภูตรูปกระทำรูปนี้ให้เป็นรูปอดีตบ้าง กระทำ
รูปนี้ให้เป็นรูปอนาคตบ้าง ฯลฯ กระทำให้เป็นรูปไกลและใกล้บ้าง เพราะขึ้น
ชื่อว่ารูปอื่น นอกจากมหาภูตรูปและรูปที่อาศัยมหาภูตรูปแล้วหามีไม่.
อีกนัยหนึ่ง ข้อว่า อตีตํเสน สํคหิตํ (รูปที่สงเคราะห์เข้าโดยส่วน
อดีต) ได้แก่ รูปที่สงเคราะห์โดยส่วนอดีตนั่นแหละ ทำการนับได้ มีอยู่. ถาม
ว่า รูปอะไร ? ตอบว่า
มหาภูตรูป 4 และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป 4 พึงทราบ
อรรถในที่ทั้งปวงอย่างนี้. แม้บทอธิบายรูปที่เป็นอนาคต และปัจจุบันก็มีเนื้อ
ความตามที่กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั้นแล.

ว่าด้วยรูป 2 อย่าง


ก็รูปนี้ ที่ชื่อว่า เป็น อดีต อนาคต ปัจจุบัน มี 2 อย่าง คือ
รูปโดยปริยายแห่งพระสูตร 1
รูปโดยนิเทศพระอภิธรรม 1.
ว่าโดยปริยายแห่งพระสูตร ทรงกำหนดรูปที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน
นั้นไว้ด้วยภพ จริงอยู่ รูปที่เกิดในภพอดีตจำเดิมแต่ปฏิสนธิ (ในภพปัจจุบัน)
หรือรูปที่เกิดแล้วในภพถัดไป หรือรูปที่เกิดแล้วในภพที่สุดแห่งแสนโกฏิกัป
ก็ตาม ทั้งหมดชื่อว่า รูปอดีต ทั้งนั้น. รูปที่จะเกิดในภพอนาคตจำเดิมแต่